การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
5643
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2554/11/21
 
รหัสในเว็บไซต์ fa1426 รหัสสำเนา 19003
คำถามอย่างย่อ
ท่านอิมามฮุซัยนฺและเหล่าสหายในวันอาชูทั้งที่มีน้ำอยู่เพียงน้อยนิด และฆุซลฺได้อย่างไร?
คำถาม
ตำราประวัติศาสตร์,และตำราอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันอาชูรอ, หลังจากกล่าวถึงเรื่องราวประการหนึ่งคือ ท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ได้นมาซซุบฮฺพร้อมกับเหล่าสหายเสร็จแล้ว ท่านได้จัดระเบียบทหารใหม่, ซึ่งตำราเหล่านี้กล่าวว่า : “أمر فضرب له فسطاط ، ثم أمر بمسک فمیث فی جفنة، ثم دخل الحسین فاستعمل النورة و" แสดงให้เห็นว่าท่านอิมาม (อ.) ได้ออกคำสั่งตั้งคัยมะฮฺ และสั่งให้นำสิ่งทำความสะอาดมาให้ท่าน ซึ่งสิ่งนั้นบรรจุอยู่ในภาชนะ, หลังจากนั้นท่านได้เข้าไปในคัยมะฮฺเพื่อขจัดขนที่ยาวรกรุงรัง โดยใช้ “นูเราะฮู” และยังมีสิ่งอื่นอีกโดยกล่าวว่า, มีสหายสองคนของท่านอิมามได้รีบเข้าไปในคัยมะฮฺหลังจากอิมาม เพื่อแข่งขันกับท่านอิมาม หลังจากนั้นท่านอิมามได้ออกมาข้างนอกคัยมะฮฺ และเข้าไปในคัยมะฮฺเพื่อทำความสะอาด ซึ่งบางส่วนได้ชำระล้างด้วยใบพุทรา ซึ่งผู้เขียนได้อธิบายว่า อิมาม ได้ฆุซลฺชะฮาดัต ซึ่งพวกเราทั้งหมดทราบเป็นอย่างดีว่า ฆุซลฺ ชะฮาดัตนั้นไม่ต้องการ นูเราะฮฺ แต่อย่างใด
ซึ่งเหตุผลของการทำความสะอาดนั้นสามารถจับประเด็นได้จาก การสนทนาระหว่าง อับดุรเราะฮฺมาน บุตรของ อับดุร็อบบะฮฺ กับบุเรร บุตรขิง ฮะฎีรุลฮัมดานียฺ ...บุเรร ได้พูดคุยกับอับดุรเราะฮฺมาน ซึ่งอับดุรเราะฮมานกล่าวกับเขาว่า :
ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพิถึพิถันอะไรอีก
บุเรรกล่าวว่า : ฉันขอสาบานด้วยพระนามอัลลอฮฺ ซึ่งเผ่าชนของฉันนับถือ, ทั้งชายหนุ่มและผู้อาวุโสต่างไม่ชอบเรื่องการพูดพร่ำ แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าฉัน และสิ่งที่ฉันได้รับแจ้งข่าวดีนั้น ฉันดีใจมาก ฉันขอสาบานด้วยพระนามอัลลอฮฺว่า ความห่างระหว่างเรากับนาวสวรรค์ผู้มีความงามเสมือนรุ่งอรุณในยามเช้าตรู่ อยู่แค่เพียงพวกเขา (ทหารของอุมมัร บิน สะอัด) ได้ชักดาบแล้วฟันลงมาบนเราเท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตามสาเหตุนั้นไม่สำคัญเท่าไหร่นัก เพราะเกี่ยวข้องกับท่านอิมาม (อ.) กับสหายของท่าน, สิ่งที่เป็นคำถามหนักใจคือความขัดแย้งกันที่มีอยู่ระหว่างเรื่องราวต่างๆ ของท่านอิมามฮุซัยนฺ (อ.) ซึ่งการจัดพิธีกรรมให้กับโศกนาฏกรรมของท่านอิมาม (อ.) ซึ่งสิ่งที่เราได้ยินกันมาตั้งนมนานแล้วคือ ทุกคนต่างกล่าวกันถึงเรื่อง การไม่มีน้ำในคัยมะฮฺของท่านอิมาม จนกระทั่งประวัติศาสตร์ก็ได้บันทึกเอาไว้ด้วย
ประโยคที่ได้กล่าวตอนต้นนั้นคัดลอกมาจากหนังสือประวัติศาสตร์ “อัลกามิลฟิลตารีค” (พิมพ์ที่เบรูต 1987 ดารุลกุตุบ อัลอะละมียะฮฺ), อะซัร (อิบนุ อะซีรุลญัซรียฺ) เสียชีวิตเมื่อปี ฮ.ศ. 630, หน้าที่ 418.
ตำราบางเล่มที่ได้กล่าวถึงเรื่องราวดังกล่าว ประกอบด้วย :
- มักตะลุลฮุซัยนฺ และเล่มที่ห้า เฏาะบะกอต อาซาร วากิดียฺ
- ตารีค อัฏฏ็อบรียฺ, มุฮัมมัด บิน ญะรีร อัฏฏ็อบรียฺ (ฮ.ศ. 224 – 310), เล่ม 5, หน้า 422 – 423, พิมพ์ครั้งที่ 2, กอเฮเราะฮฺ ปี 1967, ดารุลมะอาริฟ
- อัลบิดายะฮฺ วันนิฮายะฮฺ, อิบนุกะซีร (ฮ.ศ. 701 – 774) เล่ม 11, หน้า 534, พิมพ์ครั้งแรก ดารุลฮิจญฺ 1998.
- ซีเราะฮฺมะอฺซูมอน, ซัยยิดมุฮฺซิน อะมีน ยะบัล ออมิลียฺ, แปลโดย อะลี ฮุจญฺตียฺ เกรมอนนียฺ, เล่ม 4, หน้า 152, และหนังสืออื่นๆ อีก
ดังนั้นเมื่อพิจารณาสิ่งที่กล่าวผ่านมา, จะพบว่าการขาดน้ำอย่างน้อยที่สุดจนถึงตอนเช้าของวันอาชูรอไม่มีปัญหาเรื่องน้ำ เนื่องจากการจัดเตรียมน้ำไว้อย่างพอเพียงแล้ว โดยท่านอิมาม (อ.) กับสหายอีกสองคนของท่านยังได้ทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำนั้น แน่นอน ถ้าหากสภาพเป็นดังเช่นที่กล่าวมาจริงละก็ ปัญหาจะอยู่ที่ว่าเราต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ได้กล่าวกันมาอย่างช้านานในพิธีกรรมที่จัดขึ้น และทุกที่กล่าวเหมือนกันหมดว่า คัยมะฮฺ อิมามฮุซัยนฺ (อ.) ปราศจากน้ำ ซึ่งท่านอิมามได้เก็บน้ำไว้แค่พอเพียงสำหรับเด็กๆ ที่จะดื่มเพื่อดับกระหายเท่านั้น ดังนั้น ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ จะอธิบายอย่างไร?
คำตอบโดยสังเขป

การพิจารณาและวิเคราะห์รายงานทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับความกระหายของเหล่าสหาย และบรรดาอธฮฺลุลบัยตฺของท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) และรายงานที่กล่าวถึง การฆุซลฺ (อาบน้ำตามหลักการ) การชำระล้าง และวุฎูอ์ของท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) กับสหายของท่านในตอนเช้าของวันอาชูรอ, จำเป็นต้องกล่าวว่าตรงนี้คือ หนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและเป็นความเชื่อถือทางประวัติศาสตร์คือ การห้อมล้อมกองคาราวานของท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) เพื่อมิได้สัมผัสกับน้ำ และอีกประการหนึ่งคือความหิวกระหายของท่านอิมาม (.) ในช่วงสุดท้ายของการเป็นชะฮาดัต, แต่มีคำกล่าวอย่างอื่นอีกในหนังสือประวัติศาสตร์ ซึ่งไม่มีสิ่งใดเชื่อถือได้ทั้งสิ้น ประกอบกับสายรายงานก็ไม่หน้าเชื่อถือแต่อย่างใด

และถ้าเราไม่ใส่ใจในสายรายงานฮะดีซ โดยจับประเด็นต่างๆ ที่ประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้มาตีความและสรุป ถ้ากระทำเช่นนั้นจริงต้องพิจารณาประเด็นต่อไปนี้ด้วย :

1.ท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) กับสหายของท่านต่างมีความเชื่อมั่นในเรื่องการเป็น ชะฮีด ตั้งแต่แรกแล้ว และท่านก็ได้เตรียมพร้อมตัวเองเพื่อชะฮีดมาก่อนแล้ว, ด้วยเหตุนี้ ท่านอิมาม (.) จึงปรารถนาที่จะให้การชะฮีดในครั้งนี้มีความสวยงามที่สุดทั้งภายนอกและภายใน มีความสะอาดบริสุทธิ์ที่สุดในรายละเอียดปลีกย่อยของการเป็นชะฮีดครั้งนี้, และเราทุกคนต่างทราบกันเป็นอย่างดีว่า การฆุซลฺ นั้นเป็นการชำระล้างภายนอกร่างกายให้สะอาด อันเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการชำระล้างภายในและจิตวิญญาณให้สะอาดตามไปด้วย, แต่สิ่งที่ต้องพิจารณาก็คือ (การฆุซลฺที่ไม่ใช่กิจวัตร) ไม่ต้องใช้น้ำจำนวนมากมายอะไร ทว่าน้ำเพียงเล็กน้อยก็สามารถฆุซลฺได้แล้ว

2. การห้อมล้อมของฝ่ายศัตรูที่ได้กระทำอย่างเข้มแข็งเพื่อมิให้กองคาราวานของท่านอิมาม (.) ได้สัมผัสกับน้ำ, ประกอบกับอากาศที่ร้อนระอุ, และยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ อากาศก็จะยิ่งร้อนเป็นทวีคูณ, ดังนั้น สามารถกล่าวได้ว่า เวลาที่อิมาม (.) สั่งให้ฆุซลฺ หรือชำระล้างทำความสะอาดนั้นอาจตรงกับช่วงเวลาที่พอจะหาน้ำได้ ไม่ว่าด้วยวิธีการใดก็ตาม แต่หลังจากนั้นฝ่ายศัตรูได้จำกัดพื้นที กดดัน และบีบบังคับมากยิ่งขึ้น ประกอบกับอากาศก็ทวีความร้อนรุอุรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับ ทำให้กองคาราวานของท่านอิมามต้องเผชิญกับความหิวกระหายอย่างรุนแรงในตอนบ่าย

3.อาจเป็นไปได้ว่าน้ำที่ใช้ฆุซลฺนั้น เป็นน้ำที่ไม่สามารถดื่มกินได้.

ด้วยเหตุนี้เอง สามารถกล่าวได้ว่ารายงานทั้งสองกลุ่มที่มีอยู่สามารถยอมรับได้ โดยไม่ขัดแย้งกัน

คำตอบเชิงรายละเอียด

พยานหลักฐานที่มีอยู่เกี่ยวกับความหิวกระหายของท่านอิมามฮุซัยน (.) กับเหล่าสหาย และการปิดห้อมล้อมกองคาราวานของท่านเพื่อไม่ให้มีน้ำ สิ่งที่ตกทอดมาถึงมือเราปัจจุบันคือ

1.บันทึกทางประวัติศาสตร์ทั้งหมด ต่างมีความเห็นพร้องต้องกันว่าประมาณ 3 วันก่อนการชะฮาดัตของท่านอิมามฮุซัยนฺ (.) และสหาย น้ำได้ถูกปิดล้อมไปแล้ว, โดยอิบนุซิยาด ได้มีคำสั่งแก่อัมรุสะอัด (ขออัลลอฮฺทรงสาปแช่งเขา) ว่า จงกีดกั้นขวางทางระหว่างกองคาราวานของท่านฮุซัยนฺ บิน อะลีกับน้ำเอาไว้ และจงอย่าให้พวกเขาได้มีโอกาสสัมผัสน้ำเลยแม้แต่น้อย และในการนี้อุมะริบสะอัด กับอุมัร บินฮัจญาจญฺ ได้ใช้ทหารถึง 500 คน

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

หมวดหมู่

คำถามสุ่ม

  • เหตุใดอัลลอฮ์จึงกำชับให้ขอบคุณต่อเนียะอฺมัตที่ทรงประทานให้?
    17651 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/07/10
    “ชุโกร”ในทางภาษาอรับหมายถึง การมโนภาพเนียะอฺมัต(ความโปรดปรานจากพระองค์)แล้วเผยความกตัญญูรู้คุณผ่านคำพูดหรือการกระทำ[i] ส่วนที่ว่าทำไมต้องชุโกรขอบคุณพระองค์ในฐานะที่ประทานเนียะอฺมัตต่างๆนั้น ขอให้ลองพิจารณาประเด็นต่อไปนี้:1.
  • ผู้ที่มาร่วมพิธีฝังศพท่านนบี(ซ.ล.)มีใครบ้าง?
    11038 تاريخ بزرگان 2555/03/14
    ตำราประวัติศาสตร์และฮะดีษของฝ่ายอะฮ์ลิสซุนนะฮ์เล่าเหตุการณ์ฝังศพท่านนบี(ซ.ล.)ว่า อลี บิน อบีฏอลิบ(อ.) และฟัฎล์ บิน อับบ้าส และอุซามะฮ์ บิน เซด ร่วมกันอาบน้ำมัยยิตแก่ท่านนบี บุคคลกลุ่มแรกที่ร่วมกันนมาซมัยยิตก็คือ อับบาส บิน อับดุลมุฏ็อลลิบและชาวบนีฮาชิม หลังจากนั้นเหล่ามุฮาญิรีน กลุ่มอันศ้อร และประชาชนทั่วไปก็ได้นมาซมัยยิตทีละกลุ่มตามลำดับ สามวันหลังจากนั้น ท่านอิมามอลี ฟัฎล์ และอุซามะฮ์ได้ลงไปในหลุมและช่วยกันฝังร่างของท่านนบี(ซ.ล.) หากเป็นไปตามรายงานดังกล่าวแล้ว อบูบักรและอุมัรมิได้อยู่ในพิธีฝังศพท่านนบี(ซ.ล.) แม้จะได้ร่วมนมาซมัยยิตเสมือนมุสลิมคนอื่นๆก็ตาม ...
  • สายรายงานของฮะดีษที่ท่านอิมามอลี(อ.)กล่าวแก่ชาวอรับเกี่ยวกับชาวเปอร์เซียว่า“พวกท่าน(อรับ)รบกับพวกเขา(เปอร์เซีย)เพื่อให้ยอมรับการประทานกุรอาน แต่ก่อนโลกนี้จะพินาศ พวกเขาจะรบกับพวกท่านเพื่อการตีความกุรอาน”เชื่อถือได้เพียงใด?
    7427 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2554/09/11
    ในตำราฮะดีษมีฮะดีษชุดหนึ่งที่มีนัยยะถึงการที่ท่านอิมามอลี(อ.)กล่าวกับชาวอรับเกี่ยวกับชาวเปอร์เซียว่า “พวกท่าน(อรับ)รบกับพวกเขา(เปอร์เซีย)เนื่องด้วยการประทานกุรอานแต่ก่อนโลกนี้จะพินาศพวกเขาก็จะรบกับพวกท่านเนื่องด้วยการตีความกุรอาน”สายรายงานของฮะดีษบทนี้เชื่อถือได้ ...
  • ริวายะฮ์(คำรายงาน)ที่มีความขัดแย้งกัน ยกตัวอย่างเช่น ริวายะฮ์ที่กล่าวถึงการจดบาปของมนุษย์ กับริวายะฮ์ทีกล่าวว่า การจดบาปจะไม่เกิดขึ้นจนกว่าครบ ๗ วัน เราสามารถจะแก้ไขริวายะฮ์ทั้งสองได้อย่างไร?
    4185 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2561/11/05
    สำหรับคำตอบของคำถามนี้ จะต้องตรวจสอบในหลายประเด็นดังต่อไปนี้ ๑.การจดบันทึกเนียต(เจตนา)ในการทำบาป กล่าวได้ว่า จากการตรวจสอบจากแหล่งอ้างอิงเกี่ยวกับการจดบันทึกเนียตในการทำบาปปรากฏว่าไม่มีริวายะฮ์รายงานเรื่องนี้แต่อย่างใด และโองการอัลกุรอานก็ไม่สามารถวินิจฉัยถึงเรื่องนี้ได้ เพราะว่า โองการอัลกุรอานกล่าวถึงความรอบรู้ของพระเจ้าในเนียตของมนุษย์ พระองค์อัลลอฮ์(ซ.บ)ทรงตรัสว่า เราได้สร้างมนุษย์ขึ้นมา และเรารู้ดียิ่งในสิ่งที่จิตใจของเขากระซิบกระซาบแก่เขา และเราอยู่ใกล้ชิดกับเขามากกว่าเส้นเลือดชีวิตของเขาเสียอีก ดังนั้น การที่พระองค์ทรงมีความรู้ในเจตนาทั้งหลาย มิได้หมายถึง การจดบันทึกว่าเป็นการทำบาปหรือเป็นบทเบื้องต้นในการทำบาป ๒.การจดบันทึกความบาปโดยทันทีทันใด ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นนี้ก็ไม่ปรากฏริวายะฮ์ที่กล่าวถึง แต่ทว่า บางโองการอัลกุรอาน กล่าวถึง การจดบันทึกโดยทันทีทันใดในบาป ดั่งเช่น โองการที่กล่าวว่า (ในวันแห่งการตัดสิน บัญชีอะมั้ลการกระทำของมนุษย์)บันทึกจะถูกวางไว้ ดังนั้นเจ้าจะเห็นผู้กระทำความผิดบาปทั้งหลายหวั่นกลัวสิ่งที่มีอยู่ในบันทึก และพวกเขาจะกล่าวว่า โอ้ความวิบัติของเรา บันทึกอะไรกันนี่ มันมิได้ละเว้นสิ่งเล็กน้อย และสิ่งใหญ่โตเลย เว้นแต่ได้บันทึกไว้ครบถ้วน และพวกเขาได้พบสิ่งที่พวกเขาได้ปฏิบัติไว้ปรากฏอยู่ต่อหน้า และพระผู้เป็นเจ้าของเจ้ามิทรงอธรรมต่อผู้ใดเลย โองการนี้แสดงให้เห็นว่า ความผิดบาปทั้งหมดจะถูกจดบันทึกอย่างแน่นอนก ๓.การจดบันทึกความบาปจนกว่าจะครบ ๗ วัน มีรายงานต่างๆมากมายที่กล่าวถึง การไม่จดบาปในทันที แต่ทว่า มีรายงานหนึ่งกล่าวว่า ให้โอกาสจนกว่าจะครบ ๗ วัน ...
  • ถ้าหากพิจารณาบทดุอาอฺต่างๆ ในอัลกุรอาน จะเห็นว่าดุอาอฺเหล่านั้นได้ให้ความสำคัญต่อตัวเองก่อน หลังจากนั้นเป็นคนอื่น เช่นโองการอัลกุรอาน ที่กล่าวว่า “อะลัยกุม อันฟุซะกุม” แต่เมื่อพิจารณาดุอาอฺของท่านหญิงฟาฏิมะฮฺจะพบว่าท่านหญิงดุอาอฺให้กับคนอื่นก่อนเป็นอันดับแรก, ดังนั้น ประเด็นนี้จะมีทางออกอย่างไร?
    8878 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/12/21
    ในตำแหน่งของการขัดเกลาจิตวิญญาณและยกระดับจิตใจตนเองนั้น, มนุษย์ต้องคำนึงถึงตัวเองก่อนบุคคลอื่นเพราะสิ่งนี้เป็นคำสั่งของอัลกุรอานและรายงานนั่นเอง, เนื่องจากถ้าปราศจากการขัดเกลาจิตวิญญาณแล้วการชี้แนะแนวทางแก่บุคคลอื่นจะบังเกิดผลน้อยมาก, แต่ส่วนในตำแหน่งของดุอาอฺหรือการวิงวอนขอสิ่งที่ต้องการจากพระเจ้า,ถือว่าเป็นความเหมาะสมอย่างยิ่งที่มนุษย์จะวอนขอให้แก่เพื่อนบ้านหรือบุคคลอื่นก่อนตัวเอง, ...
  • สำนวน طبیب دوار بطبه ที่ท่านอิมามอลี(อ.)ใช้กล่าวยกย่องท่านนบี หมายความว่าอย่างไร?
    6605 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/02/13
    ท่านอิมามอลี(อ.)เปรียบเปรยการรักษาโรคร้ายทางจิตวิญญาณมนุษย์โดยท่านนบี(ซ.ล.)ว่าطبیب دوّار بطبّه (แพทย์ที่สัญจรตามรักษาผู้ป่วยทางจิตวิญญาณ) ท่านเป็นแพทย์ที่รักษาโรคแห่งอวิชชาและมารยาทอันต่ำทรามโดยสัญจรไปพร้อมกับโอสถทิพย์ของตน
  • เป้าหมายและโปรแกรมต่างๆ ของชัยฏอนคืออะไร?
    9162 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/04/21
    1.ลวงล่อให้มนุษย์ทั้งหลายหลงทาง2.เชิญชวนมนุษย์ทั้งหลายไปสู่การกระทำที่บิดเบือนและการอุปโลกน์ต่างๆ3. หยุแหย่มนุษย์ในการเปลี่ยนแปลงการสร้างสรรค์ของอัลลอฮฺ (ซบ.) และโปรแกรมต่างๆซึ่งอัลกุรอานได้พาดพิงถึงชัยฏอน ...
  • บุคลิกของอุบัย บิน กะอฺบ์?
    9021 تاريخ بزرگان 2555/04/07
    อุบัย บิน กะอฺบ์ เป็นหนึ่งของสหายที่มีชื่อเสียงที่สุดของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) และเป็นผู้มีเกียรติยิ่งทั้งในหมู่อะฮฺลิซุนนะฮฺ และชีอะฮฺ แหล่งอ้างอิงของฝ่ายชีอะฮฺมีบันทึกรายงานฮะดีซจำนวหนึ่ของเขาไว้ด้วย นักปราชญ์ผู้อาวุโสฝ่ายฮะดีซ, ยอมรับว่าเขาเป็นสหายของท่านศาสดา และเป็นหนึ่งในผู้บันทึกวะฮฺยู เมื่อพิจารณารายงานที่มาจากเขา, สามารถเข้าใจได้ถึงความรักที่เขามีต่ออะฮฺลุลบัยตฺ (อ.) โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอิมามอะลี (อ.) ...
  • ทำอย่างไรจึงจะลดความรีบร้อน?
    7537 จริยธรรมทฤษฎี 2555/05/23
    ความรีบร้อนลนลานถือเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในทัศนะของศาสนา ซึ่งในที่นี้ก็หมายถึงการรีบกระทำสิ่งใดโดยพละการนั่นเอง การรีบร้อนแตกต่างจากการรีบเร่งทั่วไป เพราะการรีบเร่งหมายถึงการรีบกระทำการใดทันทีที่ทุกอย่างพร้อม สิ่งที่ตรงข้ามกับการรีบร้อนก็คือ “ตะอันนี” และ “ตะษับบุต”อันหมายถึงการตรึกตรองอย่างรอบคอบก่อนลงมือกระทำการใดๆ เมื่อพิจารณาถึงข้อเสียของการรีบร้อน และข้อดีของการตรึกตรองอันเป็นคุณลักษณะของกัลยาณชนเฉกเช่นบรรดาศาสดา ทำให้ได้ข้อสรุปว่าก่อนกระทำการใดควรตรึกตรองอย่างมีสติเสมอ และหากหมั่นฝึกฝนระยะเวลาหนึ่ง แม้จะเป็นเรื่องยากก็ตาม แต่สุดท้ายก็จะติดเป็นนิสัย อันจะลบเลือนนิสัยรีบร้อนที่มีอยู่เดิม และจะสร้างเสริมให้เป็นผู้ที่มีความสุขุม ...
  • รายงานฮะดีซกล่าวว่า:การสร้างความสันติระหว่างบุคคลสองคน ดีกว่านมาซและศีลอด วัตถุประสงค์คืออะไร ?
    6118 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/05/17
    เหมือนกับว่าการแปลฮะดีซบทนี้ มีนักแปลบางคนได้แปลไว้แล้ว ซึ่งท่านได้อ้างถึง, ความอะลุ่มอล่วยนั้นเป็นที่ยอมรับ, เนื่องจากเมื่อพิจารณาใจความภาษาอรับของฮะดีซที่ว่า "صَلَاحُ ذَاتِ الْبَيْنِ أَفْضَلُ مِنْ عَامَّةِ الصَّلَاةِ وَ الصِّيَام‏" เป็นที่ชัดเจนว่า เจตนาคำพูดของท่านศาสดา (ซ็อล ฯ) ต้องการกล่าวว่า การสร้างความสันติระหว่างคนสองคน, ดีกว่าการนมาซและการถือศีลอดจำนวนมากมาย[1] แต่วัตถุประสงค์มิได้หมายถึง นมาซหรือศีลอดเป็นเวลาหนึ่งปี หรือนมาซและศีลอดทั้งหมด เนื่องจากคำว่า “อามะตุน” ในหลายที่ได้ถูกใช้ในความหมายว่า จำนวนมาก เช่น ประโยคที่กล่าวว่า : "عَامَّةُ رِدَائِهِ مَطْرُوحٌ بِالْأَرْض‏" หมายถึงเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเขาลากพื้น[2] ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    59467 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    56926 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    41728 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    38484 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38467 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    33504 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    27576 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27307 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27194 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25270 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...