การค้นหาขั้นสูง
ผู้เยี่ยมชม
9618
อัปเดตเกี่ยวกับ: 2555/05/17
คำถามอย่างย่อ
ความหมายของเตาฮีดคอลิกียะฮฺคืออะไร?
คำถาม
ความหมายของเตาฮีดคอลิกียะฮฺคืออะไร?
คำตอบโดยสังเขป

เตาฮีด หมายถึงความเป็นเอกะหรือเอกเทศ, เตาฮีดคอลิกียะฮฺ หมายถึงจักรวาลและสรรพสิ่งทั้งหลายไม่มีผู้ใดสร้างขึ้นมา นอกจากอัลลอฮฺ ผู้ทรงพิสุทธิ์ยิ่ง, สรรพสิ่งที่มีอยู่, ร่องรอยและกิจการงานของพวกเขา, แม้แต่มนุษย์และผลงานสร้างสรรค์ทั้งหมดของเขา หรือสิ่งที่พวกเขาค้นพบ โดยความเป็นจริงแล้วและมิได้เป็นการกล่าวอย่างเลยเถิด ทั้งหมดเหล่านั้นคือ สิ่งถูกสร้างของอัลลอฮฺ ทั้งสิ้น ดังนั้น ทุกสิ่งที่มีอยู่ในโลกใบนี้คือ สิ่งถูกสร้างของพระองค์ทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าบางสิ่งปราศจากสื่อและบางสิ่งมีสื่อในการสร้าง

คำตอบเชิงรายละเอียด

ความหมายของเตาฮีดในการสร้าง เตาฮีดคอลิกียะฮฺ

การสร้างสรรค์คือ คุณลักษณะประการหนึ่งของอัลลอฮฺ, ซึ่งคุณลักษณะดังกล่าวถือเป็นเหตุผลที่พิสูจน์ให้เห็นถึง การมีอยู่ของพระเจ้า เนื่องจากสาระของเหตุผลดังกล่าว, ก็คืออัลลอฮฺ ทรงเป็นปฐมเหตุในการสร้างสรรค์ และเป็นสาเหตุของการมีอยู่ของสรรพสิ่งทั้งหมด, และสิ่งสำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ อัลลอฮฺ ไม่ทรงมีหุ้นส่วนในการสร้างสรรค์ ไม่มีผู้ใดสร้างโลกและจักรวาลนอกจากพระองค์ ดังนั้น หนึ่งในสาขาสำคัญของเตาฮีดคือ เตาฮีดคอลิกียะฮฺนั่นเอง[1]

อีกนัยหนึ่ง : ความเป็นเอกเทศในการสร้างหมายถึง โลกแห่งการมีอยู่นี้ไม่มีผู้สร้างเกินหนึ่ง ผู้เป็นองค์ปฐมแห่งการสร้าง เป็นเอกเทศ การสร้างของสาเหตุอื่นอยู่ในแนวตั้งแห่งการสร้างสรรค์ของพระองค์ โดยได้รับบัญชาและการอนุญาตจากพระองค์[2]

ความเป็นเอกเทศในการสร้าง บางครั้งก็เรียกว่า เตาฮีดคอลิกียะฮฺ หรือเตาฮีดอัฟอาล ในนิยามของปรัชญาหมายถึง ระบบทั้งหมดที่มีอยู่ แบบฉบับ สาเหตุ ผลแห่งสาเหตุ และเหตุปัจจัยที่เป็นไป ทั้งหมดเป็นภารกิจของอัลลอฮฺ ซึ่งเกิดจากพระประสงค์ของพระองค์, สรรพสิ่งทั้งหลายบนโลกนี้ การมีอยู่ของสิ่งเหล่านั้นมิได้เป็นเอกเทศหรือมีอิสระจากอาตมันของอัลลอฮฺ แม้แต่ในฐานะของผลและร่องรอยก็มิได้เป็นอิสระไปจากพระองค์ ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า ดังที่อาตมันบริสุทธิ์ของอัลลอฮฺ ไม่มีหุ้นส่วน ภารกิจการงานของพระองค์ก็ไม่มีหุ้นส่วนด้วยเหมือนกัน เตาฮีดอัฟอาล คือองค์ประกอบสำคัญยิ่งของคำกล่าวว่า «لا حول و لا قوة الا بالله» ไม่มีการเคลื่อนและไม่มีพลังใด นอกจากโดยอัลลอฮฺ ซึ่งในเชิงปรัชญาอยู่ภายใต้หัวข้อที่ว่า «لامؤثر في الوجود الا الله» ไม่มีผลในการมีอยู่ในด นอกจากอัลลอฮฺ[3]

สติปัญญายอมรับเตาฮีดในการสร้างสรรค์หรือไม่?

สติปัญญา ต่างยอมรับความเป็นเอกเทศหรือความเป็นหนึ่งเดียวของผู้สร้างสรรค์โลกและจักรวาล, เนื่องจากด้วยเหตุผลในการพิสูจน์การมีอยู่ของพระองค์-โดยเฉพาะความเป็นไปได้และความจำเป็น-ของการมีอยู่ทั้งหมด, ความเป็นไปได้ ผลและสิ่งถูกสร้างทั้งหมด ล้วนเป็นผลมาจาก วาญิบุลบิลซาต (สิ่งจำเป็นต้องมีคือพระเจ้า) ทั้งสิ้น และด้วยเหตุผลที่ยืนยันถึง เตาฮีดซาตียฺ ความเอกเทศในการมีอยู่, วาญิบุลบิลซาต (สิ่งจำเป็นต้องมีคือพระเจ้า) และความเป็นหนึ่งเดียว. ฉะนั้น ผลสรุปก็คือไม่มีผู้สร้างโลกคนใด นอกจากอัลลอฮฺ[4]

อัลกุรอานมีทัศนะอย่างไรเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว?

อัลกุรอาน หลายโองการได้เน้นย้ำในประเด็นความเป็นหนึ่งเดียวของอัลลอฮฺ ในการสร้างสรรค์โลก ดังที่กล่าวว่า ..

1. قُلِ اللَّهُ خالِقُ كُلِّ شَیْ‏ءٍ وَ هُوَ الْواحِدُ الْقَهَّارُ؛

" จงกล่าวเถิด อัลลอฮฺ คือพระผู้ทรงสร้างทุกสิ่ง และพระองค์คือผู้ทรงเอกะ พระผู้ทรงพิชิต”[5]

2. اللَّهُ خالِقُ كُلِّ شَیْ‏ءٍ وَ هُوَ عَلى كُلِّ شَیْ‏ءٍ وَكِیلٌ

อัลลอฮฺ คือผู้ทรงสร้างทุกสรรพสิ่ง และพระองค์เป็นผู้ทรงดูทุกสิ่ง”[6]

3. ذلِكُمُ اللَّهُ رَبُّكُمْ خالِقُ كُلِّ شَیْ‏ءٍ لا إِلهَ إِلاَّ هُوَ؛

“นี่คืออัลลอฮฺ พระผู้อภิบาลของสูเจ้าผู้ทรงสร้างทุกสิ่ง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์”[7]

4. هَلْ مِنْ خالِقٍ غَیْرُ اللَّهِ؛

“จะมีพระผู้สร้างอื่นใดจากอัลลอฮฺอีกหรือ”[8]

5. رَبُّنَا الَّذِی أَعْطى كُلَّ شَیْ‏ءٍ خَلْقَهُ ثُمَّ هَدى؛

“พระผู้อภิบาลของเราคือ พระผู้ทรงประทานทุกอย่างแก่สิ่งที่พระองค์สร้าง แล้วทรงชี้นำ”[9]

รายงานฮะดีซกับความเป็นเอกเทศในการสร้าง

รายงานฮะดีซอธิบายถึงความเป็นเอกเทศในการสร้างไว้ โดยท่านอิมามอะลี (อ.) กล่าวว่า :

«لم یشركه فی فطرتها فاطر، و لم یعنه علی خلقها قادر»

“ในการสร้างมด (หรือสิ่งที่คล้ายคลึงกัน) ไม่มีผู้ใดเป็นหุ้นส่วนของพระองค์ และไม่มีผู้ใดช่วยเหลือพระองค์ในการสร้าง”[10]

นอกจากนั้นท่านยังได้กล่าวอีกว่า «و لا شریك له اعانه علی ابتداع عجائب الامور» “อัลลอฮฺ ไม่มีหุ้นส่วนในการช่วยเหลือพระองค์ ในการสร้างสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหลายบนโลกนี้”[11]

และรายงานอีกจำนวนมากมายที่กล่าวถึงประเด็นนี้ ..

ความเป็นเอกเทศในการสร้างเท่ากับเป็นการปฏิเสธระบบของสาเหตุปัจจัยหรือ และหมายถึงการลิขิตอันเป็นสาเหตุของการปฏิเสธเจตนารมณ์เสรีหรือ?

จากตรงนี้เองต้องยอมรับว่า ความเป็นเอกเทศในการสร้างจำกัดเฉพาะอัลลอฮฺเท่านั้น แต่มิได้หมายถึงการปฏิเสธเรื่องปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ, เนื่องจากระบบของสาเหตุปัจจัย หรือผลเป็นส่วนหนึ่งของโลกวัตถุ แต่ก็มิได้หมายความว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเอกเทศจาก สาเหตุ อันเป็นเหตุแห่งการสร้างสรรค์แต่อย่างใดไม่ ทว่าอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงวางระบบการสร้างสรรค์เหล่านี้ไว้ในโลกวัตถุ และพระองค์คือผู้ทรงสร้างสรรค์กฎเกณฑ์เหล่านั้น. แม้ว่าดวงอาทิตย์ อากาศ มีผลกระทบสำคัญกับพื้นดิน น้ำมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชและต้นไม้, แต่การบังเกิดผลและร่องรอยต่างๆ เหล่านั้น เกิดจากการอนุญาตของพระองค์ และเป็นแบบฉบับของพระองค์ที่มีอยู่ในสรรพสิ่งทั้งหลาย. บรรดาผู้ที่เชื่อในเรื่องความเป็นเอกเทศในการสร้างสรรค์ของพระเจ้า โดยปฏิเสธระบบของสาเหตุปัจจัย และความสัมพันธ์ในแง่ของวัตถุที่มีระหว่างส่วนต่างๆ ของโลก ถือว่าเข้าใจผิดมหันต์ ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงถือว่าศาสนาปฏิเสธเรื่ององค์ความรู้ และต่อต้านคำสอนของศาสนา[12]

ฉะนั้น เตาฮีด ในเรื่องการสร้างสรรค์ มิได้หมายถึงเป็นการปฏิเสธเจตนารมณ์เสรี หรือหมายถึงการบังคับก็หาไม่,ทว่าทุกการสร้างสรรค์คือภารกิจของพระเจ้า ด้วยเหตุนี้ ทุกการประดิษฐ์และความต้องการของเราอยู่ในแนวตั้งแห่งพระประสงค์ของพระองค์

 

 


[1] ร็อบบานียฺ ฆุลภัยฆอนียฺ, อะลี, อะกออิด อิสติดลาลียฺ, ไซต์อันดีเชะฮ์ กุม

[2] ไซต์ เฮาเซะฮ์ เน็ต

[3] อัสฟาร, เล่ม 2,หน้า 216-219, เนะฮายะฮฺ อัลฮิกมะฮฺ, เล่ม 3, หน้า 677, มุเฏาะฮะรียฺ มัจญฺมูอ์อาซาร, เล่ม 2, หน้า 103, อิฮฺซาน, เตาฮีดและระดับของเตาฮีด

[4] อบบานียฺ ฆุลภัยฆอนียฺ, อะลี, อะกออิด อิสติดลาลียฺ, ไซต์อันดีเชะฮ์ กุม

[5] บทอัรเราะอฺดุ, 16.

[6] บทอัซซุมัร, 62.

[7] บทฆอฟิร, 62

[8] บทฟาฏิร, 3

[9] บทฏอฮา, 50.

[10] นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ คำเทศนาที่ 185.

[11] นะฮฺญุลบะลาเฆาะฮฺ คำเทศนาที่ 91.

[12] ซุบฮานียฺ,ญะอฺฟัร, แปลโดยมุฮัดดิซ, ญะวาด, ชีมออะกออิดชีอะฮฺ, หน้า 56, มัชอัร

 

แปลคำถามภาษาต่างๆ
ความเห็น
จำนวนความเห็น 0
กรุณาป้อนค่า
ตัวอย่าง : Yourname@YourDomane.ext
กรุณาป้อนค่า
<< ลากฉัน
กรุณากรอกจำนวนที่ถูกต้องของ รหัสรักษาความปลอดภัย

คำถามสุ่ม

  • การลงโทษชาวบนีอิสรออีลข้อหาบูชาลูกวัวเป็นสิ่งที่เหมาะสมแก่ความผิดหรือไม่?
    7675 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/06/23
    นักอรรถาธิบายกุรอานได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของอัลลอฮ์ในการบัญชาให้สังหารกันในโองการนี้ไว้ 3 ประการ “1. สิ่งนี้เป็นบททดสอบ และเมื่อพวกเขาได้เตาบะฮ์และสำนึกผิดแล้ว สิ่งนี้ก็ได้ถูกยกเลิก 2. ความหมายของการฆ่าในที่นี้คือการตัดกิเลศและแรงยั่วยุของชัยตอน 3. ความหมายของการฆ่าในโองการนี้ คือการฆ่าจริง ๆ กล่าวคือจะต้องฆ่ากันเอง ซึ่งอาจจะเกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งหรือทั้งหมดของประเด็นต่อไปนี้ก็เป็นได้: ก. ชำระจิตใจชาวบนีอิสรออีลให้ผ่องแผ้วจากการตั้งภาคี ข. ยับยั้งไม่ให้บาปใหญ่หลวงเช่นนี้อีก ค. ต้องการสื่อให้เห็นถึงปัญหาการหันเหจากหลักเตาฮีด และการหันไปสู่การกราบไหว้เจว็ด อย่างใดก็ตาม การรับการลงโทษที่หนักหน่วงที่สุดก็ถือว่าคุ้มค่าหากแลกกับการหลุดพ้นจากไฟนรก ...
  • ช่วงก่อนจะสิ้นลม การกล่าวว่า “อัชฮะดุอันนะ อาลียัน วะลียุลลอฮ์” ถือเป็นวาญิบหรือไม่?
    7727 สิทธิและกฎหมาย 2555/03/18
    หนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของชีวิตคนเราคือช่วงที่เขากำลังจะสิ้นใจ เรียกกันว่าช่วง“อิฮ์ติฎ้อร” โดยปกติแล้วคนที่กำลังอยู่ในช่วงเวลานี้จะไม่สามารถพูดคุยหรือกล่าวอะไรได้ บรรดามัรญะอ์กล่าวถึงช่วงเวลานี้ว่า “เป็นมุสตะฮับที่จะต้องช่วยให้ผู้ที่กำลังจะสิ้นใจกล่าวชะฮาดะตัยน์และยอมรับสถานะของสิบสองอิมาม(อ.) ตลอดจนหลักความเชื่อที่ถูกต้องอื่นๆ”[1] ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่า “การกล่าวชะฮาดะฮ์ตัยน์และการเปล่งคำยอมรับสถานะของสิบสองอิมามถือเป็นกิจที่เหมาะสำหรับผู้ที่ใกล้จะสิ้นใจ แต่ไม่ถือเป็นวาญิบ” [1] ประมวลปัญหาศาสนาของอิมาม อัลโคมัยนี (พร้อมภาคผนวก), เล่ม 1, หน้า 312 ...
  • กรุณาอธิบายเกี่ยวกับสายรายงานและเนื้อหาของซิยารัตอาชูรอ
    6327 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2554/12/10
    แหล่งอ้างอิงหลักของซิยารัตบทนี้ก็คือหนังสือสองเล่มต่อไปนี้กามิลุซซิยารอตประพันธ์โดยญะฟัรบินมุฮัมมัดบินกุละวัยฮ์กุมี (เสียชีวิตฮ.ศ.348) และมิศบาฮุ้ลมุตะฮัจญิดีนของเชคฏูซี (ฮ.ศ.385-460) ตามหลักบางประการแล้วสายรายงานของอิบนิกูละวัยฮ์เชื่อถือได้แต่สำหรับสายรายงานที่ปรากฏในหนังสือมิศบาฮุ้ลมุตะฮัจญิดีนนั้นต้องเรียนว่าหนังสือเล่มนี้นำเสนอซิยารัตนี้ผ่านสองสายรายงานซึ่งสันนิษฐานได้สามประการเกี่ยวกับผู้รายงานฮะดีษหนึ่ง:น่าเชื่อถือ
  • ปัจจุบันสวรรค์และนรกมีอยู่หรือไม่ ?
    8370 เทววิทยาดั้งเดิม 2553/12/22
    พิจารณาจากโองการและรายงานต่างๆแล้วจะเห็นว่าสวรรค์และนรกที่ถูกสัญญาไว้มีอยู่แล้วในปัจจุบันซึ่งในปรโลกจะได้รับการเสนอขึ้นมาซึ่งมนุษย์ทุกคนจะถูกจัดส่งไปยังสถานที่อันเหมาะสมของแต่ละคนตามความเชื่อความประพฤติ
  • สตรีสามารถที่จะติดต่อสื่อสารกับผู้อื่นในโลกไซเบอร์โดยไม่ขออนุญาตจากสามีหรือไม่?
    5340 สิทธิและกฎหมาย 2555/02/05
    คำตอบของบรรดามัรยิอ์เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวมีดังนี้อายาตุลลอฮ์คอเมเนอี “หากไม่จำเป็นที่จะต้องครอบครองทรัพย์สินของสามีก็ถือว่าไม่จำเป็นที่จะต้องขออนุญาตแต่จะต้องคำนึงว่าการติดต่อสื่อสารกับผู้ที่ไม่ใช่มะฮ์รอมส่วนใหญ่จะทำให้เกิด... หรืออาจจะทำให้ตกในการกระทำบาปซึ่งไม่อนุญาต”อายาตุลลอฮ์ซิซตานี “การติดต่อสื่อสารกับผู้ที่ไม่ใช่มะฮ์รอมถือว่าไม่อนุญาต”อายาตุลลอฮ์ศอฟีกุลฟัยกานี “โดยรวมแล้วการติดต่อสื่อสารในลักษณะนี้แม้ว่าสามีอนุญาติก็ไม่ถือว่าสามารถจะกระทำได้”ฮาดาวีเตหะรานี “หากการติดต่อสื่อสารในโลกไซเบอร์อยู่ในขอบเขตที่อนุญาตและไม่เกรงที่จะเกิดบาปเป็นที่อนุญาตและไม่จำเป็นที่จะต้องขออนุญาติจากสามี” ...
  • คำว่า “ฮุจซะฮ์”ในฮะดีษของมุฮัมมัด บิน ฮะนะฟียะฮ์ หมายความว่าอย่างไร?
    6964 ดิรอยะตุลฮะดีซ 2555/02/12
    คำว่าฮุจซะฮ์ที่ปรากฏในฮะดีษบทต่างๆแปลว่าการยึดเหนี่ยวสื่อกลางในโลกนี้ระหว่างเรากับอัลลอฮ์ท่านนบีและบรรดาอิมาม(อ.) ซึ่งก็หมายถึงศาสนาจริยธรรมและความประพฤติที่ดีงามหากบุคคลยึดถืออิสลาม
  • สาขามัซฮับที่สำคัญของชีอะฮ์มีจำนวนเท่าใด?
    9834 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/07/10
    คำว่า“ชีอะฮ์”โดยรากศัพท์แล้วหมายถึง“สหาย”หรือ“สาวก”และยังแปลได้ว่า“การมีแนวทางเดียวกัน” ส่วนในแวดวงมุสลิมหมายถึงผู้เจริญรอยตามท่านอิมามอลี(อ.) ซึ่งมีการนิยามความหมายของคำว่าผู้เจริญรอยตามว่า
  • ควรจะตอบคำถามเด็กๆ อย่างไร เมื่อถามเกี่ยวกับอัลลอฮฺ?
    7283 เทววิทยาดั้งเดิม 2555/06/30
    ไม่สมควรหลีกเลี่ยงคำถามต่างๆ ที่เด็กๆ ได้ถามเกี่ยวกับอัลลอฮฺ, ทว่าจำเป็นต้องตอบคำถามเหล่านั้นด้วยความถูกต้อง เข้าใจง่าย และมั่นคง,โดยอาศัยข้อพิสูจน์เรื่องความเป็นระบบระเบียบของโลก พร้อมคำอธิบายง่ายๆ ขณะเดียวกันด้วยคำอธิบายที่ง่ายนั้นต้องกล่าวถึงความโปรดปรานของพระเจ้าชนิดคำนวณนับมิได้ ซึ่งอยู่ร่ายรอบตัวเอรา นอกจากนั้นยังสามารถพิสูจน์คุณลักษณะบางประการของพระองค์ เช่น ความปรีชาญาณ, พลานุภาพ, และความเมตตาแก่เด็กๆ ...
  • อัลกุรอานที่อยู่ในมือของเรา ณ ปัจจุบันนี้ ได้ถูกรวบรวมตั้งแต่เมื่อใด?
    8331 วิทยาการกุรอาน 2553/10/21
    คำถามนี้ไม่มีคำตอบแบบสั้น โปรดเลือกปุ่มคำตอบที่สมบูรณ์ ...
  • การสู่ขออดีตภรรยาของอับดุลลอฮ์ บิน สะลามที่ชื่ออุร็อยนับโดยอิมามฮุเซน(อ.)และยะซีดในเวลาเดียวกัน มีผลต่อเหตุการณ์กัรบะลาอย่างไร?
    7111 تاريخ بزرگان 2554/12/21
    ตำราประวัติศาสตร์บางเล่มระบุว่าแม้ยะซีดจะมีสิ่งบำเรอกามารมณ์อย่างครบครันแต่ก็ยังอยากจะเชยชมหญิงที่มีสามีแล้วอย่างอุร็อยนับบินติอิสฮ้ากภรรยาของอับดุลลอฮ์บินสะลามมุอาวิยะฮ์ผู้เป็นพ่อของยะซีดจึงคิดอุบายที่จะพรากหญิงสาวคนนี้จากสามีเพื่อให้ลูกชายของตนสมหวังในกามราคะอิมามฮุเซน(อ.) ทราบเรื่องนี้เข้าจึงคิดขัดขวางแผนการดังกล่าวโดยใช้บทบัญญัติอิสลามทำลายอุบายของมุอาวิยะฮ์และปล่อยให้อุร็อยนับคืนสู่อับดุลลอฮ์บินสะลามผู้เป็นสามีอีกครั้งหนึ่งทำให้ยะซีดหมดโอกาสที่จะย่ำยีครอบครัวนี้ได้อีกต่อไปแม้รายงานทางประวัติศาสตร์ชิ้นนี้จะมีข้อกังขามากพอสมควรแต่สมมติว่าเป็นเรื่องจริงก็มิไช่เรื่องเสียหายสำหรับอิมามฮุเซนแต่อย่างใดกลับจะชี้ให้เห็นถึงความเฉลียวฉลาดและเมตตาธรรมของท่านในการรักษาเกียรติยศครอบครัวมุสลิมได้เป็นอย่างดีอนึ่งไม่มีตำราที่มีชื่อเสียงเล่มใดระบุว่าเรื่องราวดังกล่าวเป็นสาเหตุให้ยะซีดแค้นฝังใจและก่อเหตุนองเลือดที่กัรบะลา ...

เนื้อหาที่มีผู้อ่านมากที่สุด

  • อะไรคือหน้าที่ๆภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีบ้าง?
    59419 สิทธิและกฎหมาย 2554/07/07
    ความมั่นคงของชีวิตคู่ขึ้นอยู่กับความรักความผูกพัน ความเข้าใจ การให้เกียรติและเคารพสิทธิของกันและกัน และเพื่อที่สถาบันครอบครัวจะยังคงมั่นคงเป็นปึกแผ่น อิสลามจึงได้ระบุถึงสิทธิของทั้งภรรยาและสามี ขณะเดียวกันก็ได้กำหนดหน้าที่สำหรับทั้งสองฝ่ายไว้ด้วย เนื่องจากเมื่ออัลลอฮ์ประทานสิทธิ ก็มักจะกำหนดหน้าที่กำกับไว้ด้วยเสมอ ข้อเขียนนี้จะนำเสนอหน้าที่ทางศาสนาบางส่วนที่ภรรยาพึงปฏิบัติต่อสามีดังต่อไปนี้:1. ...
  • ดุอาใดบ้างที่ทำให้ได้รับพรเร็วที่สุด?
    56860 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/07/03
    มีดุอาที่รายงานจากอิมาม(อ.)หลายบทที่กล่าวขานกันว่าเห็นผลตอบรับอย่างรวดเร็ว แต่เนื่องจากไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาดุอาทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ จึงขอกล่าวเพียงชื่อดุอาที่มีความสำคัญเป็นพิเศษดังต่อไปนี้1. ดุอาตะวัซซุ้ล2. ดุอาฟะร็อจ
  • กรุณานำเสนอบทดุอาเพื่อให้ได้พบคู่ครองที่เหมาะสมและเปี่ยมด้วยตักวา
    41692 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/06/12
    ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีปัจจัยและเงื่อนไขจำเพาะตามที่พระเจ้าทรงกำหนดหากเราประสงค์สิ่งใดย่อมต้องเริ่มจากการตระเตรียมปัจจัยและเงื่อนไขเสียก่อนปัจจัยของการแต่งงานคือการเสาะหาและศึกษาอย่างละเอียดทว่าเพื่อความสัมฤทธิ์ผลในการดังกล่าวจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮ์เพื่อทรงชี้นำการตัดสินใจและความพยายามของเราให้บรรลุดังใจหมาย.การอ่านบทดุอาต่างๆที่รายงานจากบรรดาอิมาม(อ)ต้องควบคู่กับความพยายามศึกษาและเสาะหาคู่ครองอย่างถี่ถ้วน. หนึ่งในดุอาที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะก็คือรายงานที่ตกทอดมาจากท่านอลี(อ)ดังต่อไปนี้: “ผู้ใดประสงค์จะมีคู่ครอง
  • ด้วยเหตุผลอันใดที่ต้องกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อน บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม?
    38453 วิทยาการกุรอาน 2555/08/22
    หนึ่งในมารยาทของการอ่านอัลกุรอาน ซึ่งมีกล่าวไว้ในอัลกุรอาน และรายงานฮะดีซคือ การกล่าว อะอูซุบิลลาฮิ มินัชชัยฏอน นิรเราะญีม ก่อนที่จะเริ่มอ่านอัลกุรอาน หรือแม้แต่ให้กล่าวก่อนที่จะกล่าว บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม เสียด้วยซ้ำไป ด้วยเหตุผลที่ว่า บิซมิลลาฮิรเราะฮฺมานนิรเราะฮีม นั้นเป็นส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน อย่างไรก็ตามการขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ มิใช่แค่เป็นเพียงคำพูดเท่านั้น ทว่าสิ่งนี้จะต้องฝังลึกอยู่ภายในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งต้องสำนึกสิ่งนี้อยู่เสมอตลอดการอ่านอัลกุรอาน ...
  • ครูบาอาจารย์และลูกศิษย์(นักเรียนนักศึกษา)มีหน้าที่ต่อกันอย่างไร?
    38447 จริยธรรมปฏิบัติ 2554/11/14
    ผู้สอนและผู้เรียนมีหน้าที่ต่อกันหลายประการด้วยกันซึ่งสามารถจำแนกออกเป็นสองส่วนก. หน้าที่ที่ผู้สอนมีต่อผู้เรียนอันประกอบด้วยหน้าที่ทางจริยธรรมการอบรมและวิชาการ ข. หน้าที่ที่ผู้เรียนมีต่อผู้สอนอาทิเช่นการให้เกียรติครูบาอาจารย์ยกย่องวิทยฐานะของท่านนอบน้อมถ่อมตน ...ฯลฯ ...
  • ก่อนการสร้างนบีอาดัม(อ) เคยมีการแต่งตั้งญินให้เป็นศาสนทูตสำหรับฝ่ายญินหรือไม่?
    33476 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/06/12
    อัลกุรอานยืนยันการมีอยู่ของเหล่าญินรวมทั้งได้อธิบายคุณลักษณะบางประการไว้ถึงแม้ว่าข้อมูลของเราเกี่ยวกับโลกของญินจะค่อนข้างจำกัดแต่เราสามารถพิสูจน์ว่าเหล่าญินเคยมีศาสนทูตที่เป็นญินก่อนการสร้างนบีอาดัมโดยอาศัยเหตุผลต่อไปนี้:1. เหล่าญินล้วนมีหน้าที่ทางศาสนาเฉกเช่นมนุษย์เราแน่นอนว่าหน้าที่ทางศาสนาย่อมเป็นผลต่อเนื่องจากการสั่งสอนศาสนาด้วยเหตุนี้จึงมั่นใจได้ว่าอัลลอฮ์ทรงเคยแต่งตั้งศาสนทูตสำหรับกลุ่มชนญินเพื่อการนี้2. เหล่าญินล้วนต้องเข้าสู่กระบวนการพิพากษาในวันกิยามะฮ์เฉกเช่นมนุษย์เราซึ่งโดยทั่วไปแล้วก่อนกระบวนการพิพากษาทุกกรณีจะต้องมีการชี้แจงข้อกฏหมายจนหมดข้อสงสัยเสียก่อนและการชี้แจงให้หมดข้อสงสัยคือหน้าที่ของบรรดาศาสนทูตนั่นเอง
  • เนื่องจากอัลลอฮฺทรงรอบรู้เหนือโลกและจักรวาล ฉะนั้น วัตถุประสงค์การทดสอบของอัลลอฮฺคืออะไร?
    27556 เทววิทยาดั้งเดิม 2554/03/08
    ดังที่ปรากฏในคำถามว่าการทดสอบของอัลลอฮฺไม่ได้เพื่อการค้นหาสิ่งที่ยังไม่รู้เนื่องจากอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงปรีชาญาณเหนือทุกสรรพสิ่งแต่อัลกุรอานหลายโองการและรายงานที่ตกมาถึงมือเรากล่าวว่าการทดสอบเป็นแบบฉบับหนึ่งและเป็นกฎเกณฑ์ของพระเจ้าที่วางอยู่บนแบบฉบับอื่นๆอันได้แก่การอบบรมสั่งสอนการชี้นำโดยรวมของพระเจ้าอัลลอฮฺ
  • ปีศาจ (ซาตาน) มาจากหมู่มะลาอิกะฮฺหรือญิน ?
    27265 การตีความ (ตัฟซีร) 2553/12/22
    เกี่ยวกับคำถามที่ว่าชัยฎอนเป็นมะลาอิกะฮฺหรือญินมีมุมมองและทัศนะแตกต่างกันแหล่งที่มาของความขัดแย้งนี้เกิดจากเรื่องราวการสร้างนบีอาดัม (อ.) เนื่องจากเป็นคำสั่งของพระเจ้ามวลมะลาอิกะฮ์ทั้งหลายจึงได้กราบสุญูดอาดัมแต่ซาตานไม่ได้ก้มกราบบางคนกล่าวว่าชัยฎอน (อิบลิส) เป็นมะลาอิกะฮฺ, โดยอ้างเหตุผลว่าเนื่องจากโองการอัลกุรอานกล่าวละเว้น, อิบลิสไว้ในหมู่ของมะลาอิกะฮฺ (มะลาอิกะฮ์ทั้งหมดลดลงกราบยกเว้นอิบลิส) ดังนั้นอิบลิส
  • อายะฮ์ إِذا مَا اتَّقَوْا وَ آمَنُوا وَ عَمِلُوا الصَّالِحاتِ ثُمَّ اتَّقَوْا وَ آمَنُوا ثُمَّ اتَّقَوْا وَ أَحْسَنُوا وَ اللَّهُ یُحِبُّ الْمُحْسِنین การกล่าวซ้ำดังกล่าวมีจุดประสงค์ใด?
    27171 การตีความ (ตัฟซีร) 2555/02/07
    ในแวดวงวิชาการมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องการย้ำคำว่าตักวาในโองการข้างต้นบ้างเชื่อว่ามีจุดประสงค์เพื่อให้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นเกี่ยวกับตักวาอีหม่านและอะมั้ลที่ศอลิห์
  • เมื่ออัลลอฮฺ มิทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลายจากสิ่งใดทั้งหมด, หมายความว่าอำนาจของพระองค์ได้ถ่ายโอนไปสู่วัตถุปัจจัยกระนั้นหรือ?
    25240 รหัสยทฤษฎี 2555/05/17
    ใช่แล้ว การสร้างจากสิ่งไม่มีตัวตนมีความหมายตามกล่าวมา, เนื่องจากคำว่า ไม่มีตัวตน คือไม่มีอยู่ก่อนจนกระทั่งอัลลอฮฺ ทรงสร้างสิ่งนั้นขึ้นมา รายงานฮะดีซก็กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้เช่นกันว่า อำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า มีความเป็นหนึ่งเดียวกันกับคุณลักษณะอื่นของพระองค์ ซึ่งเกินเลยอำนาจความรอบรู้ของมนุษย์ เนื่องจากสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลายได้ถูกสร้างขึ้นมา จากสิ่งไม่มี ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสรรพสิ่งถูกสร้างทั้งหลาย เปรียบเสมือนภาพที่ถ่ายโอนอำนาจสัมบูรณ์ของพระเจ้า เราเรียกนิยามนี้ว่า “การสะท้อนภาพ”[1]ซึ่งในรายงานฮะดีซได้ใช้คำว่า “การเกิดขึ้นของคุณลักษณะ” : อัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงเป็นพระผู้อภิบาลของเราที่มีความเป็นนิรันดร์ ความรอบรู้คือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีความรอบรู้อันใด การได้ยินคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการได้ยินใดๆ การมองเห็นคือ อาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีการมองเห็นอันใด อำนาจคืออาตมันของพระองค์ ขณะที่ไม่มีอำนาจอันใด และเนื่องจากพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทั้งหลาย ทำให้สิ่งเหล่านั้นมีและเป็นไป ความรู้ของพระองค์ได้ปรากฏบนสิ่งถูกรู้จักทั้งหลาย การได้ยิน ได้ปรากฏบนสิ่งที่ได้ยินทั้งหลาย การมองเห็นได้ปรากฏบนสิ่งมองเห็น และอำนาจของพระองค์ ...